ทิเบตัน มาสทิฟฟ์
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกันก่อน
![]() Uploaded with ImageShack.us พิทบูล ร็อตไวเลอร์ ถอยไป... พี่โหดตัวจริงมาแล้ว กับสุนัขที่เรียกได้ว่าดุโหดพร้อมขย้ำ และราชาสุนัขที่มีราคาแพงที่สุดในโลก จากแดนไกลแห่งขุนเขาทิเบตอย่าง ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetan mastiffs) คุณพักตร์วิมล ทองทาหรือคุณบี เจ้าของร้าน Asia puppyผู้นำเข้าสุนัขหายากหลากสายพันธุ์มากว่า 20 ปี หนึ่งในนั้นคือสุนัขจากเมืองจีนพันธุ์ ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ ที่เกิดมาเพื่อเป็นสัตว์ลี้ยงของบรรดาเศรษฐีเท่านั้น เนื่องจากราคาพันธุ์แท้ขั้นต่ำเริ่มต้นที่หลักแสน และสูงได้ถึงหลักล้านหรือสิบล้านบาท "ทิเบตันก็คือสุนัขสายพันธุ์เก่าแก่ที่มีถิ่นกำเนิดในทิเบต จีนเรียกว่า จ้างอ้าว แต่ก่อนมีความเชื่อด้วยว่าเป็นสัตว์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านใช้เฝ้าฝูงแกะ ฝูงจามรีบนภูเขา มีความซื่อสัตย์บางตัวไม่สามารถเปลี่ยนเจ้าของได้ จะจงรักภักดีต่อเจ้าของคนเดียวเท่านั้น พันธุ์แม้จะมีราคาสูงมาก ตั้งแต่แสนขึ้นถึงเป็นล้าน" สาเหตุที่ราคาสูงจนน่าขนลุกขนาดนี้ก็เพราะเป็นสุนัขหายาก ทางประเทศจีนได้อนุรักษ์ไว้ และห้ามส่งออก ซึ่งผู้ที่นำเข้ามาต้องมีวิธีรู้ช่องทางอย่างดี โดยคุณบีมีความตั้งใจนำเข้ามาเพื่อเพาะพันธุ์มากกว่าการซื้อมาขายไป รวมไปถึงการพัฒนาสายพันธุ์ให้คงความแท้ไว้ แทนที่จะผสมกับสายพันธุ์อื่นที่ใกล้เคียง หากสามารถเพาะพันธุ์ในประเทศไทยได้ก็จะทำให้ตลาดสุนัขสายพันธุ์นี้กว้างขึ้น ราคาถูกลงอาจเหลือเพียงหลักหมื่น ในขณะที่ปัจจุบันมีเสียงเรียกร้องถามหามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็มีผู้นำเข้าพันธุ์ผสมมาหลอกขายในราคาไม่กี่หมื่นบาทว่าเป็นทิเบตันพันธุ์แท้ แต่ในเมื่อสุนัขยังเด็กจึงไม่เห็นลักษณะเด่นของสายพันธุ์ชัดเจน สุดท้ายคือกลายเป็นสุนัขบ้านๆ ราคาแพงหูฉี่นั่นเอง ![]() Uploaded with ImageShack.us ร็อตไวเลอร์เรียกพี่ ลักษณะเด่นของทิเบตันคือ อุปนิสัยดุร้ายเมื่อเจอคนแปลกหน้า หรือใครก็ตามที่เข้ามาในอาณาบริเวณของมัน ยกเว้นเจ้าของและครอบครัว ด้วยสัญชาตญาณหวงถิ่น คุณบีเล่าว่าที่บ้านต้องทำห้องรับแขกแยกออกมาต่างหาก เนื่องจากเลี้ยงทิเบตันหรือ "เจ้าซิมบา" แบบปล่อยเดินในบ้าน ซึ่งมันก็เคยทำกระจกบ้านแตกมาแล้วด้วยพลกำลังมหาศาล "แรงมันเยอะมากนะ เวลาอยู่กับเจ้าของหรือเด็กที่บ้านเขาจะไม่ดุเลย น่ารัก เรียบร้อย ขี้อ้อนมาก กลับบ้านไปจะวิ่งมาอ้อน ตะกายเรา แล้วก็ไปตะกายโซฟานอนบิดน่ารัก แต่ถ้ามีคนนอกเข้ามาจะดุทันที เราฝึกให้เขาไม่ดุก็ได้ด้วยการหัดให้พบคนเยอะๆ ออกสังคมบ่อยๆ ตั้งแต่เล็ก แต่มันก็จะเสียเอกลักษณ์ของเขาไป คือจะเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน ที่บ้านไม่ต้องติดเหล็กดัด บ้านอื่นโดนขโมยขึ้นเรียบ แต่บ้านนี้ปลอดภัย(หัวเราะ)" สำหรับปัญหาหมากัดคนนอกนั้น คุณบีบอกว่าไม่เกิดขึ้นแน่นอน หากเลี้ยงทิเบตันไว้ในบริเวณบ้าน เพราะสุนัขพันธุ์นี้จะไม่เข้าทำร้ายใครถ้าไม่ได้ล้ำเข้ามาในเขตถิ่นของมัน สิ่งหนึ่งที่น่าจะการันตีความดุสุดขั้วของทิเบตันคือ คุณบีเคยจะจ้างคนมาทดสอบแรงของทิเบตันว่าทรงพลังขนาดไหน แต่พอได้เห็นตัวจริง ก็ต้องส่ายหัวตามๆ กัน เพราะมันไม่ได้กัดเป็นระเบียบเหมือนพันธุ์เยอรมันเชฟเพิร์ดแน่นอน แต่จะเป็นประเภทกระโจนเพื่อขย้ำเหยื่อไม่ให้เหลือซาก จนบัดนี้จึงยังไม่มีใครใจกล้าแม้แต่รายเดียว โดยส่วนตัวคุณพักตร์วิมลเลี้ยงมาได้ราว 2 ปีก่อนจะมีกระแสความนิยม เจ้าซิมบาหมาหนุ่มสุดโหดเริ่มมีแววดุตั้งแต่อายุ 3 เดือน เมื่อคนจากที่ร้านเข้าไปนั่งในบ้านแล้วโดนงับขาถึง 2 ครั้งแม้ว่าจะเป็นฟันน้ำนม เรียกได้ว่า "กัดก่อนค่อยคุยกัน" เธอเล่าว่าลูกสุนัขแต่ละตัวสะแสดงแววดุต่างกันไป โดยตัวที่มีแววดุมากจะมีอาการหวงตัวตั้งแต่เด็กๆ "ถ้าเป็นเด็กที่เกิดในบ้านแบบเห็นกันอยู่ตั้งแต่เล็กจนโตเขาจะไม่ดุด้วยเลยนะ แล้วเขาจะดุกับคนเท่านั้น กับหมาเล็กๆ จะไม่ดุเลยเลี้ยงรวมกันได้ แต่ต้องเลี้ยงมาพร้อมๆ กัน สามารถปรับตัวเข้ากับหมาด้วยกันได้เร็วกว่ากับคน" ![]() Uploaded with ImageShack.us เอกลักษณ์อีกอย่างของทิเบตันคือโครงสร้าง เป็นสุนัขที่มีโครงสร้างใหญ่ กล้ามเนื้อแน่น ขนาดโดยทั่วไปจะใกล้เคียงกับร็อตไวเลอร์หรือใหญ่เท่าเซนต์เบอร์นาร์ด แต่จะไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวมากแล้วขารับไม่ไหว เพราะจะเป็นสุนัขที่แข็งแรงโดยสายพันธุ์อยู่แล้ว น้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 60-70 กก. เวลายืนหางจะต้องม้วนตลบขึ้นอยู่บนหลัง "ถ้าสังเกตดีๆ หรือศึกษาจนคุ้นเคยแล้วจะดูออกว่า แม้จะคล้ายร็อตไวเลอร์คือสีแบล็กแทน แต่โครงหัวจะรีออก ปากยาวกว่านิดหน่อย หัวกะโหลกกว้างน้อยกว่า เท่าที่นำเข้ามายังไม่ทันจะได้เก็บไว้เป็นพ่อแม่พันธุ์จะมีคนมากวาดซื้อหมด อย่างล่าสุดนักบาสทีมชาติฟิลิปปินส์เขาก็ซื้อรวมนับ 10 ตัวแล้ว" ทิเบตันจะมีทั้งหมด 3 สี คือสีแบล็กแทน เหมือนร็อตไวเลอร์ สีแดง ซึ่งมีราคาแพงกว่ามาก รวมถึงสีที่สวยที่สุด หายากที่สุด และราคาพุ่งกระฉูดสุดๆ คือสีขาวหิมะ พันธุ์แท้ราคาอาจสูงถึง 20 ล้านบาท ซึ่งเธอเคยพบในเมืองจีน มีหลายคนเสนอราคาขอซื้อแต่เจ้าของเดิมก็ไม่ขาย สัตว์เลี้ยงคนรวย คุณพักตร์วิมล เล่าว่าดาราจีนอย่าง โจวเหวินฟะ เฉินหลง ก็มีทิเบตันติดบ้านไว้เหมือนกัน แต่ละตัวราคาหลักล้านแบบเกรดเอ ในไทยเองก็มีคนถามหาสุนัขทิเบตันมากพอสมควร โดยจากการพูดคุยกันในกลุ่มผู้นำเข้าจำนวนไม่กี่เจ้านั้นเชื่อว่า มีสุนัขสายพันธุ์แท้ๆ ในประเทศไทยไม่ถึง 10 ตัวหรืออาจไม่ถึง 5 ตัวด้วยซ้ำ เนื่องจากเป็นสุนัขหายากราคาสูง ผู้นำเข้าน้อย และด้วยอุปนิสัยดุเอาชีวิตจึงยังเป็นที่หวั่นๆ ของใครหลายคน "ส่วนใหญ่แล้วเวลานำเข้ามาจะเป็นคนต่างชาติมาซื้อต่อเสียหมด คนไทยที่เราเคยขายคือเป็นประธานโรงแรมแห่งหนึ่ง หรือจากที่เคยได้ยินมาเมื่อ 3-4 ปีก่อนอย่าง พานทองแท้ ชินวัตร ก็เคยนำเข้ามาจากจีน แต่พอเจอว่าดุมากเลี้ยงไม่ไหว ก็เหมือนจะเนรเทศออกไปไหน หรือฝากให้ใครเลี้ยงต่อก็ไม่ทราบแน่ชัด" พร้อมกับเสริมว่า คนไทยมีความสนใจสุนัขพันธุ์ทิเบตันอยู่มาก แต่ส่วนใหญ่จะกำลังไม่ถึงหรือสู้ราคาไม่ไหว ขนาดเธอได้ลูกสุนัขพันธุ์แท้จากจีนมาในราคา 150,000 – 180,000 บาทก็ยังไม่ได้คุณภาพที่จะมาพัฒนาเป็นสายพันธุ์แท้อย่างแข็งแรงสมบูรณ์ แต่ก็เป็นพันธุ์แท้ที่สวยในระดับหนึ่ง คุณบีแนะนำว่า การสังเกตว่าเป็นทิเบตันแท้หรือไม่ นอกจากต้องศึกษาข้อมูลโครงสร้างทางกายภาพ อุปนิสัยแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เพื่อความถูกต้องแน่ใจคือการศึกษาประวัติของพ่อและแม่พันธุ์สุนัขที่นำมาผสมกันด้วย โดยลูกสุนัขจากคอกเดียวกันไม่ควรนำมาผสมกันเอง เช่นเดียวกับมนุษย์ที่เป็นพี่น้องกัน เนื่องจากจะมียีนส์ด้อยบางอย่าง ทำให้สุนัขเกิดจุดบกพร่องได้ "ตลาดของทิเบตันมีแนวโน้มจะดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วยข้อจำกัดอย่างหนึ่งที่สุนัขสามารถผสมพันธุ์ได้ปีละครั้งเท่านั้น คือช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน ก่อนหน้าช่วงฤดูผสมพันธุ์เขาจะผลัดขนเพื่อเตรียมพร้อมปีละครั้ง หน้าตาก็จะคล้ายๆ ร็อตไวเลอร์ขนยาว อีกอย่างคือการนำออกจากจีนยากขึ้นทุกวัน ในขณะที่ทั่วโลกมีความต้องการไม่ใช่แค่เพียงในไทยเท่านั้น ดังนั้น หากเราสามารถพัฒนาสายพันธุ์เองได้ตลาดก็น่าจะดี" จากหุบเขาสู่เมืองร้อน สำหรับมุมของการเลี้ยงดูแล้ว ผู้รักสุนัขใหญ่คนนี้บอกว่าไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด อาหารที่ให้คืออาหารพรีเมียมเกรด ให้วิตามินเสริม มีพื้นที่ให้สุนัขได้ออกกำลังกาย รวมทั้งต้องดูแลเรื่องความสะอาดของขนเช่นเดียวกับสุนัขทั่วไป "การดูแลเขาไม่ยากเลยค่ะ อาจจะต้องมีปรับตัวบ้างในระยะแรกๆ ที่นำเข้ามาด้วยการเปิดแอร์ให้เขาชินอุณหภูมิ เนื่องจากปกติจะเลี้ยงกันในหุบเขาสูง อากาศเย็น ซึ่งหากไม่ใส่ใจตรงนี้ สุนัขจะขนร่วงหรือผลัดขนเพื่อปรับตัวตามธรรมชาติ ไม่ว่าพันธุ์ไหนก็เหมือนกันต้องปรับตัว แต่ความดุนี่ไม่ได้ปรับค่ะเหมือนเดิม(หัวเราะ)" คุณบีเล่าถึงประสบการณ์เยี่ยมฟาร์มทิเบตันที่จีนว่า ที่นั่นจะเป็นคอกเปิดให้อยู่กับธรรมชาติ เวลานั่งคุยที่ฟาร์มจะมีประตู 2 ชั้น ใช้กระจกอย่างหนาพิเศษแต่มุมกระจกยังมีรอยร้าว เธอยังเคยเจอพ่อพันธุ์ทิเบตันสีแดงที่ถูกตีราคาสูงถึง 30 ล้านบาท แต่เจ้าของไม่ขายเนื่องจากเลี้ยงไว้ทำเงินได้มากกว่า นอกจากขายลูกสุนัขในราคาสูงสุดๆ แล้วยังรับผสมพันธุ์ในราคาครั้งละ 1.5 ล้านบาท ในขณะที่สีขาวราคา 500,000 บาทยังไม่ได้ดีกรีแข็งแรงพอ ซึ่งการผสมพันธุ์ทิเบตันสีขาวจะต้องเป็น สีขาว+สีขาว เท่านั้น การจะลงทุนสร้างฟาร์มที่ดีได้จึงต้องมีเงินลงทุนราว 40-50 ล้านบาท คนส่วนใหญ่ที่จะเลี้ยงทิเบตันได้คือต้องเป็นคนชอบสุนัขขนาดใหญ่และดุเป็นพื้นฐาน ซึ่งข้อดีอย่างหนึ่งของสายพันธุ์นี้คือน้ำลายไม่เยิ้มย้อยเหมือนเซนต์เบอร์นาร์ด หรือเกรดเดน นอกจากจะเห่าเมื่อเจอคนแปลกหน้าแบบ non-stop น้ำลายจะเหนียวบ้างเหมือนเวลาคนพูดมากจนน้ำลายแตกฟอง สุดท้ายขอฝากไว้ว่า อย่าเห็นแก่ของถูก แต่สุนัขราคาแพงใช่ว่าจะแท้เสมอไป หากใครสนใจอยากเลี้ยงต้องศึกษาข้อมูลอย่างดี และซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น
http://www.youtube.com/watch?v=3fYwRHNHrRM&feature=related
http://www.youtube.com/watch?v=XlJDU3SdlVU&feature=related
เซนต์เบอร์นาร์ด
|
![]() |
![]() สุนัขพวกนี้จมูกไว ดมรู้ว่ามีคนจมอยู่ใต้หิมะแม้จะลึกหลายๆ ฟุต สุนัขจะออกวิ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 ตัว เป็นการวิ่งลาดตระเวนในระหว่างที่เกิดพายุหิมะถล่ม หรือหลังจากที่เกิดพายุหิมะแล้ว เพื่อค้นหาคนเดินทางที่ประสบอันตรายติดอยู่ในกองหิมะ เมื่อพบกับผู้เคราะห์ร้าย สุนัข 2 ตัวจะนอนลงบนหิมะแนบชิดร่างกายของผู้นั้น เพื่อให้ความอบอุ่น และสุนัขอีกตัวหนึ่งจะเลียตามใบหน้าเพื่อช่วยให้มีสติฟื้นคืนมา ในขณะเดียวกันสุนัขอีกหนึ่งตัวในกลุ่มจะวิ่งย้อนกลับไปยังสถานที่พัก เพื่อแจ้งเหตุร้ายให้นักบวชทราบ และพามายังสถานที่เกิดเหตุ "ถังไม้เล็กๆ" ที่ผูกติดคอมีไว้เพื่อใส่เหล้าหรือยาไว้ให้ผู้ประสบภัยเปิดกินได้ เป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และมีผ้าห่มผูกติดหลังเอาไว้เพื่อให้ผู้ประสบภัยห่มกันหนาว นอกจากนี้สุนัขเซนต์ฯ ยังได้กลับมาตามคนไปช่วยคนจากหลุมหิมะและพากลับมายังที่พักได้ นอกเหนือจากความสามารถในการค้นหาเส้นทางและประสาทในการดมกลิ่น ซึ่งสามารถทำให้ค้นหาร่างของมนุษย์ซึ่งถูกฝังอยู่ใต้หิมะ สุนัขยังมีชื่อเสียงในการมีสัมผัสที่หกที่เหนือธรรมชาติ ซึ่งทำให้มันทราบว่าพายุหิมะกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว จะมีการรายงานอย่างทันท่วงที โดยที่สุนัขจะเปลี่ยนจุดยืนอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ภายในเวลาไม่กี่อึดใจที่พายุหิมะจะเกิดและถล่มตรงจุดนั้น ซึ่งจะทำให้ร่างถูกฝังอยู่ใต้หิมะ หรือน้ำแข็งหนักหลายตัน ในครั้งแรกนักบวชได้เลือกเอาสุนัขจากดินแดนใกล้เคียงไปเลี้ยง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสุนัขพันธุ์โมลอสเชี่ยน ต่อมาก็คือสุนัข "เซนต์เบอร์นาร์ด" นั่นเอง เป็นวีรกรรมที่กล่าวขานกันตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์ ชาวอังกฤษในตอนต้น ค.ศ. 1810 ได้สั่งนำเข้าสุนัขที่ใช้ในสถานที่พักคนเดินทางเข้ามาในประเทศ เพื่อเสริมสายเลือดสุนัขพันธุ์มาสตีฟที่มีอยู่ ซึ่งมีการอ้างอิงถึงสายพันธุ์ เป็นเวลาหลายปีที่ถูกเรียกว่า "สุนัขศักดิ์สิทธิ์" ในประเทศเยอรมันนีราวปี ค.ศ. 1828 มีการเสนอให้เรียกชื่อว่า อัล เพนค็อก ในปี ค.ศ. 1833 นักเขียนคนหนึ่งชื่อ ดาร์เนียล วิลสัน ได้พูดถึงสุนัขเป็นครั้งแรกที่เรียกว่า เซนต์ เบอร์นาร์ด แต่จนกระทั่งปี ค.ศ. 1865 ชื่อเซนต์ เบอร์นาร์ดจึงปรากฏขึ้นอย่างแน่ชัด และตั้งแต่ปี ค.ศ. 1880 จึงได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ สุนัขพันธุ์เซนต์ เบอร์นาร์ดประสบกับปัญหาอันเนื่องมาจากสายพันธุ์เริ่มอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก เพราะกันอยู่แต่สายพันธุ์เดียว ( Inbreeding) ประกอบกับโรคภัยไข้เจ็บ นักบุญจึงต้องการให้มีการผสมข้ามพันธุ์ เพื่อเพิ่มขนาดและพลังความแข็งแกร่งใหม่ให้สุนัข จึงเลือกสุนัขพันธุ์ นิวฟาวด์แลนด์ ซึ่งในขณะนั้นมีขนาดใหญ่กว่าสุนัขพันธุ์เซนต์ เบอร์นาร์ด ผลของการผสมข้ามพันธุ์นี้ ได้ผลเป็นที่พึงปรารถนาในทุกๆ ด้าน และในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทำลายรูปแบบและลักษณะนิสัยของเซนต์ เบอร์นาร์ดเลย อย่างไรก็ตาม จากการผสมข้ามพันธุ์ ทำให้ได้สุนัขพันธุ์เซนต์ เบอร์นาร์ดขนยาวขึ้นมาเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้จนถึงปี ค.ศ. 1830 สุนัขเซนต์ เบอร์นาร์ดทั้งหมดมีขนสั้น ปีต่อๆ มาของการผสมพันธุ์ทำให้มีเซนต์ เบอร์นาร์ดเกิดขึ้นอย่างมากมายในหุบเขาของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ในประเทศเยอรมันนี ประเทศยุโรปอื่นๆ รวมทั้งอังกฤษและสหรัฐอเมริกา มาตราฐานสายพันธุ์ ![]() อุปนิสัย :ฉลาด ร่าเริง ช่างประจบประแจง สอนง่าย จึงเป็นที่นิยมเลี้ยงกันมาช้านานทั่วทุกมุมโลก ศีรษะ : มีความแข็งแกร่งมาก มีขนาดใหญ่โตและกว้าง กระดูกแก้มอยู่สูง มีสันกระดูกเหนือตาชัดเจนมาก ผิวหนังที่หน้าผากเหนือตาเป็นรอยย่นจนเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นแนวเส้นเข้าไปรวมที่เส้นกลางศรีษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสุนัขกำลังตื่นตัว รอยย่นจะเห็นได้ชัดมากขึ้น การที่มีรอยย่นมากจนเห็นชัดเกินไปไม่เป็นที่นิยม ความลาดเอียงของกะโหลกศีรษะ มายังจมูกจะหักมุมค่อนข้างมาก จมูก :จมูกจะสั้นไม่เรียวเล็กตรงปลาย และความลึกในแนวดิ่งที่ฐานของจมูกต้องมากกว่าความยาวของจมูก สันของจมูกไม่โค้งแต่จะเป็นแนวตรง ในสุนัขบางตัวจะหักเล็กน้อย ร่องกลางศรีษะตื้นเห็นได้ชัดเจนและค่อนข้างกว้าง ปาก : ริมฝีปากไม่บางจนเกินไป แต่จะโค้งอย่างสวยงามมายังขอบด้านล่างและเหลื่อมริมฝีปากล่างเล็กน้อย ริมฝีปากล่างต้องไม่ห้อยมากไป ฟันควรมีความแข็งแรงและสบกันพอดี ลักษณะขากรรไกรล่างสั้น แม้จะพบในสุนัขตัวที่มีความพร้อมสวยงามก็เป็นลักษณะที่ไม่นิยม ถ้าขากรรไกรบนสั้นถือว่าเป็นข้อบกพร่อง ปากที่เป็นสีดำเป็นลักษณะที่ได้รับความนิยม หู : มีขนาดปานกลาง ตั้งอยู่ในตำแหน่งค่อนข้างสูงที่บริเวณฐาน ห่างจากศีรษะเล็กน้อย แล้วพับงอลงมาด้านข้างแนบอยู่กับศีรษะ ใบหูนิ่มมีลักษณะสามเหลี่ยมปลายมนยาวออกไปเล็กน้อย ทางด้านปลาย ขอบหูด้านหน้าอยู่แนบชิดกับศีรษะ โดยที่ขอบหูด้านหลังอาจอยู่ห่างจากศีรษะเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสุนัขอยู่ในท่าเตรียมพร้อม ตา : ตั้งอยู่ทางด้านหน้ามากกว่าทางด้านข้าง มีขนาดปานกลาง สีน้ำตาลเข้ม มีแววตาฉลาดและเป็นมิตร มีความลึกปานกลาง เปลือกตาด้านล่างปิดไม่สนิท จึงทำให้เกิดรอยย่นที่มุมตาด้านใน หนังตาที่หย่อนมากเกินไป จนทำให้เห็นต่อมน้ำตาอย่างชัดเจน หรือมีสีแดงมาก เปลือกตาหนาและตามีสีจางเกินไปเป็นลักษณะที่ไม่นิยม ลำคอ : ชูตั้งสูงและในขณะปฏิบัติหน้าที่ลำคอจะตั้งตรง นอกจากนั้นแล้วจะอยู่ในแนวระนาบ การเชื่อมต่อของศีรษะและคอจะเห็นได้ชัด โดยบริเวณต้นคอมีมัดกล้ามเนื้อมากและด้านข้างมีความกลม ซึ่งทำให้มองเห็นว่าลำคอสั้น จะมีส่วนหนังที่ยื่นลงมาบริเวณใต้คอจนเห็นได้ชัด แต่ถ้าชัดมากเกินไปจะไม่เป็นที่นิยม หัวไหล่ : กว้างและมีความลาดเอียง มีมัดกล้ามเนื้อมากและมีพละกำลัง ส่วนสูงสุดของไหล่จะมองเห็นได้ชัดเจน หน้าอก : มีความโค้งมาก ลึกพอประมาณ ไม่ยื่นลงไปต่ำกว่าข้อศอก หลัง :กว้างมากเป็นแนวเส้นตรงจนถึงสะโพก จากตรงนี้จะค่อยๆ ลาดลงไปจนถึงส่วนท้าย และประสานกลมกลืนกัน จนไม่เน้นร่องรอยเข้าไปยังส่วนโคนหาง ส่วนท้ายของตัวพัฒนาขึ้นมาอย่างดี ขามีมัดกล้ามเนื้อมาก ท้อง :แยกออกจากส่วนเอวที่มีพละกำลังมากจนเห็นได้ชัด ลอยสูงขึ้นเล็กน้อย หาง : ใหญ่และยาว มีน้ำหนัก ขณะพักจะห้อยลงม้วนงอเล็กน้อย ในช่วงหนึ่งในสามของหางส่วนปลาย ซึ่งไม่ถือว่าเป็นข้อบกพร่องในสุนัขที่มีลักษณะดีหลายตัว หางจะอยู่ในลักษณะปลายงอนเล็กน้อย เพราะฉะนั้นจึงอยู่ในรูปของอักษร " f " ในขณะเคลื่อนไหวหางจะชูขึ้น แต่ไม่ถึงขนาดชูตั้งตรงหรือม้วนหางอยู่เหนือหลัง การที่ปลายหางม้วนลงเล็กน้อยเป็นลักษณะที่ยอมรับได้ ขน : ดก หนาแน่นมาก โดยมีความยาวพอประมาณ ขนหยิกเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับม้วนงอและไม่ยุ่งเป็นกระเซิง ตามปกติที่หลังโดยเฉพาะจากบริเวณส่วนท้ายจนถึงก้นขนจะหยิกมากกว่า เป็นเงื่อนไขที่กำหนดในสุนัขขนสั้น หางจะมีขนเป็นพุ่ม โดยมีขนดกหนาแน่นยาวปานกลาง ขนหางที่หงิกงอไม่เป็นที่นิยม หางที่ขนด้านใดด้านหนึ่งที่เรียกว่า flag tail เป็นข้อบกพร่อง ที่ใบหน้าและหูจะปกคลุมด้วยขนที่สั้นและอ่อนนุ่ม ขนที่ยาวกว่าที่ฐานของหูเป็นที่ยอมรับได้ ขาหน้ามีขนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต้นขาจะมีขนค่อนข้างมาก สี :ขาวกับแดงหรือแดงกับขาว สีแดงจะมีหลายเฉดสี แถบสีเทากับมีจุดสีขาว สีแดงและสีเหลืองออกน้ำตาลจะมีคุณค่าเท่ากัน รอยแต้ม ( marking ) ที่จำเป็นคือ หน้าอก เท้าและปลายหาง สีแดงขาวและแต้มสีขาว จะเป็นที่นิยมมากถ้ามีสีเดียวหรือไม่มีสีขาวจะไม่นิยม สีอื่นๆ ทั้งหมดถือว่าเป็นข้อบกพร่อง เว้นแต่เฉดสีที่นิยมกันที่มีอยู่ที่ศีรษะและหู ( หน้ากาก ) ขนาด :ตัวผู้สูงอย่างน้อย 27.5 นิ้ว ตัวเมียสูงอย่างน้อย 25.5 นิ้ว ข้อบกพร่อง : สิ่งต่างๆ ทั้งหมดที่ผิดไปจากมาตรฐาน เช่นหลังคดและหลังยาวไม่ได้สัดส่วน ข้อเท้าขาหลังโค้งงอมากไป ส่วนท้ายของลำตัวเป็นเส้นตรง มีขนขึ้นบริเวณนิ้วเท้า ข้อเท้าแบบวัว และข้อเท้าขาหน้าอ่อนแอ http://www.youtube.com/watch?v=9SqmQ6ahdAA&feature=fvwrel http://www.youtube.com/watch?v=DOeR7jtC1Gs&feature=related ชื่ออรทัย สีเสมอ ชื่อเล่นแอ๋ว รหัสนิสิต 53010914737 เรียนบัญชี ที่คณะการบัญชีและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เกิดวันพุธ ที่14 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ 2533 อายุ 21ปี ที่อยู่ 59/1 บ.หนองใหญ่ อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ 46220 |
ต้องมี 3 บทความนะจร๊
ตอบลบแค่นี้พอไหมอ่ะ
ตอบลบดุดัน.......
ตอบลบคือหน้ากลัวแท้ไอ้ตัวแรกอะ
ตอบลบ555++น่ารักหมาที่เหมือนสิงโต
ตอบลบ